พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดแผยภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ท ปาร์ค ผ่านระบบออนไลน์ว่า นิคมอุตสาหกรรมสมาร์ท ปาร์ค เป็นหนึ่งในนโยบายไทยแลนด์ 4.0 การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ รองรับการพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย (นิว เอส-เคิร์ฟ) ที่มีนวัตกรรมและใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดการลงทุนในด้านต่างๆ ที่ครอบคลุมทุกมิติ รวมถึงอุตสาหกรรมต่อเนื่องด้านอื่นๆ ช่วยเสริมความเข้มแข็งเศรษฐกิจ สังคม และยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่านิคมอุตสาหกรรมสมาร์ท ปาร์ค ตำบลห้วยโป่ง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง พื้นที่รวม1,383.76ไร่ มูลค่าการลงทุน2,370ล้านบาท อยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนา ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และสังคม ตั้งแต่ระยะก่อสร้าง โดยมีการจ้างงานประมาณ200คน ทำให้มีเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้นในชุมชน ประมาณ23ล้านบาทต่อปี ส่วนระยะดำเนินการ มีการจ้างงานประมาณ7,459คน ส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ประมาณ1,342ล้านบาทต่อปี ทั้งยังมีการใช้วัสดุอุปกรณ์ในการก่อสร้าง น้ำมันเชื้อเพลิงและอื่นๆ ที่ทำให้เกิดการหมุนเวียนเงินในท้องถิ่นเพิ่มขึ้นด้วย หลังจากลงนามในสัญญาจ้างผู้รับเหมาแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาในการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ท ปาร์ค ประมาณ3ปีและเปิดดำเนินการได้ภายในปี67
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า นิคมอุตสาหกรรมสมาร์ท ปาร์ค เป็นต้นแบบของนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะเชิงนิเวศ ที่มีการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เท่ากับศูนย์ โดยใช้นวัตกรรมสมัยใหม่ในการดำเนินการทั้งหมด ตั้งแต่ระบบสาธารณูปโภค ที่นำสายไฟลงใต้ดิน มีการจ่ายไฟฟ้าด้วยระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ รวมทั้งให้โรงงานติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์กว่า 80% ของพื้นที่ และกำหนดให้ใช้ระบบขนส่งมวลชนไฟฟ้าในพื้นที่ ซึ่งจากการประเมินคาดว่าจะสามารถลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 1,800 ตัน หรือเท่ากับการปลูกต้นไม้ได้ประมาณ 180,000 ตัน
“กนอ.อยู่ระหว่างศึกษาร่วมกับญี่ปุ่นถึงความเป็นไปได้ในการนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้ในการจัดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานไฮโดรเจนในนิคมสมาร์ท ปาร์ค ซึ่งกนอ.ได้พบปะนักลงทุนที่สนใจเข้ามาลงทุนแล้วบางส่วน และพร้อมจัดโรดโชว์ในต่างประเทศต่อเนื่องในประเทศที่เปิดรับนักท่องเที่ยวแล้ว เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน และประเทศในยุโรปที่สนใจย้ายฐานการผลิต เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ยาและวัคซีน ยานยนต์แห่งอนาคต โลจิสติกส์ และระบบอัตโนมัติ”